Beauty Tip
10 คำศัพท์น่ารู้ สำหรับกูรูด้านความงาม

2 October 2019
เพราะกูรูคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เลยต้องหมั่นค้นคว้าเรียนรู้เรื่องที่เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการเรียนรู้ในยุคนี้ก็ไม่ยาก เพราะเราสามารถอัพเดทข่าวสารข้อมูลกันได้ทุกที่ทุกเวลา
สำหรับกูรูสายความงามก็เช่นกัน การอ่านบทความ หนังสือ ตลอดจนงานวิจัยใหม่ๆเกี่ยวกับการดูแลผิวหรือเครื่องสำอางทั้งของในและต่างประเทศ จะช่วยให้มีข้อมูลที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
และถ้าลองสังเกตให้ดีจะพบว่ามีคำศัพท์หลายคำที่คุ้นหูคุ้นตา ปรากฎให้เห็นหรือได้ยินกันอยู่บ่อยๆ เลยอยากชวนบิวตี้กูรูทั้งหลายมาทำความรู้จักและเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์เหล่านี้ให้มากขึ้น
นอกจากจะทำให้เข้าใจเนื้อหาต่างๆได้ดีขึ้นแล้วคำเหล่านี้ยังช่วยเพิ่มดีกรีความน่าเชื่อถือของผู้เชี่ยวชาญอย่างเราให้มากขึ้นได้อีกด้วย



1. Collagen & Elastin
สองคำนี้คงไม่มีใครปฎิเสธว่าไม่รู้จักคอลลาเจนและอิลาสตินเป็นองค์ประกอบสำคัญในชั้นผิวหนังที่
ทำงานสอดประสานกันอยู่ตลอดเวลา ทั้งคู่เป็นโปรตีนที่ผิวของเราสามารถสร้างได้เองตามธรรมชาติโดยเซ
ลล์ผิวที่อยู่ในชั้นหนังแท้เรียกว่า ไฟโบรบลาสท์ (Fibroblast cells) ตอนเด็กๆผิวเราจะมีเจ้าสองตัวนี้อยู่เยอะมาก
สังเกตดูผิวเด็กๆจึงทั้งตึงทั้งแน่น นั่นก็เพราะคอลลาเจนทำหน้าที่ยึดชั้นผิวเอาไว้

ส่วนอิลาสตินช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น คือเมื่อดึงยืดออกแล้วก็สามารถเด้งกลับที่เดิมได้
แต่น่าเสียดายที่คอลลาเจนและอิลาสตินจะลดปริมาณลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป พออายุเข้า 30-40 ริ้วรอยจึงเริ่มเข้ามาถามหา
เพราะเมื่อคอลลาเจนน้อยลง ผิวก็ขาดที่ยึดเหนี่ยว ร่วงหล่นไปตามแรงโน้มถ่วงได้โดยง่าย
หากไม่อยากให้ผิวเสื่อมโทรมก่อนเวลาอันควร การบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินจึงช่วยป้องกันริ้วรอย และคงความอ่อนเยาว์ให้ผิวได้



2. Exfoliation
หมายถึงการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ที่ตายแล้ว (Dead Cells) หลุดออกเพื่อเปิดทางให้เซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่
อันที่จริงกระบวนการนี้เป็นกระบวนการตามธรรมชาติของผิวอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่ออายุมากขึ้น กระบวนการนี้จะเริ่มช้าลง
เป็นที่มาของการสครับผิวที่ต้องอาศัยตัวช่วยเช่นเม็ดสครับหรือสารบางชนิดมาช่วยเร่งกำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ดังนั้นทุกครั้งที่เราสครับผิว
ผิวจะนุ่มลื่น เรียบเนียน และดูกระจ่างใสขึ้นมาในทันที



3. Cell Renewal Process
ต่อเนื่องกันจากคำที่แล้ว เมื่อเซลล์เก่าหลุดลอกออกไปเซลล์ผิวใหม่จะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนโดยการแบ่งตัวของเซลล์
ที่อยู่ชั้นล่างสุดของชั้นหนังกำพร้า หลังจากนั้นเซลล์ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นี้จะเคลื่อนตัวขึ้นสู่ผิวชั้นบนอย่าง
ต่อเนื่องและค่อยๆเสื่อมลงจนกลายเป็นเซลล์ที่ตายแล้ว (DeadCells) อยู่ด้านบนสุดของผิวหนัง ขั้นตอนนี้จะกินเวลาประมาณ 14 วัน เซลล์ที่ไม่มีชีวิตนี้จะยังคงเกาะแน่นอยู่ที่ผิวด้านบนสุดอีก
14 วันถึงจะหลุดออกตามธรรมชาติ และเซลล์ใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ วนเป็นวงจรอยู่แบบนี้ ซึ่ง 1 รอบของการผลัดเปลี่ยนเซลล์จะกินเวลารวม 28 วัน
โดยเราเรียกวงจรนี้ว่า Cell Renewal Process หรือวงจรการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาตินั่นเอง



4. Melanocytes & Melanin
ถ้าจะคุยกันถึงเรื่องความกระจ่างใสของผิวหน้าก็คงไม่พลาดที่จะพูดถึงสองคำนี้ เมลาโนไซท์ (Melanocytes)
เป็นเซลล์ผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ของมันชัดเจน นั่นก็คือการผลิตเม็ดสีผิวหรือเมลานิน (Melanin)
เซลล์เมลาโนไซท์กระจายตัวอยู่ชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า คอยสร้างเม็ดสีส่งให้เซลล์ผิว ซึ่งนี่เองที่ทำให้เรามีสีผิวแตกต่างกัน
เพราะชนิดและจำนวนเม็ดสีที่ผลิตได้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และเมื่อมีปัจจัยอื่นๆมากระตุ้นเช่นแสงแดด ฮอร์โมน
หรือการระคายเคือง เมลาโนไซท์ก็จะสร้างเมลานินเยอะขึ้น จนทำให้เกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำตามมาในที่สุด



5. Skin’s Barrier
ปราการปกป้องผิวตามธรรมชาติ ประกอบไปด้วยเซลล์ผิว ไขมัน และมอยซ์เจอไรเซอร์
ผนึกกำลังกันทำหน้าที่เหมือนกำแพงที่คอยปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้ถูกรุกรานจากภายนอก เช่น มลภาวะ สารเคมี และเชื้อโรคต่างๆ
ในขณะเดียวกันก็ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นภายในชั้นผิวไม่ให้ระเหยออกสู่ภายนอก หากปราการปกป้องผิวแข็งแรง ผิวก็จะชุ่มชื่น
สุขภาพดี และห่างไกลจากปัญหาผิวต่างๆได้



6. NMF (Natural Moisturizing Factor)
มอยซ์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติที่เซลล์ผิวของเราสร้างขึ้นเอง ประกอบด้วยกรดอะมิโน และแร่ธาตุหลากหลายชนิด
ช่วยให้ผิวของเราไม่แห้งกร้าน ชุ่มชื่น ดูอ่อนเยาว์ ซึ่งมอยซ์เจอไรเซอร์ตัวนี้ก็คือส่วนหนึ่งของ Skin’s barrier นั่นเอง
ปัจจุบันมีสกินแคร์หลายตัวที่ออกแบบมาให้มีองค์ประกอบคล้ายกับ NMF เพื่อช่วยคงความอ่อนเยาว์ของผิวให้เลือกใช้กันด้วย



7. Broad Spectrum Sunscreen
ครีมกันแดดที่สามารถกันรังสียูวี (UV rays) ได้ครอบคลุมทุกความยาวคลื่นแสง
หมายถึงสามารถปกป้องผิวได้จากทั้งรังสียูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) ต้นเหตุหลักของการเกิดกระ ฝ้า และริ้วรอย
ซึ่งเป็นคุณสมบัติของครีมกันแดดที่ดีและควรเลือกใช้ สังเกตได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งค่า SPF และ PA ระบุไว้บนฉลาก



8. Free Radical
Free Radical หรืออนุมูลอิสระเป็นของเสียที่เกิดขึ้นหลังกระบวนการเผาผลาญของเซลล์ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อนุมูลอิสระมีมากจนสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติไม่สามารถกำจัดได้ทัน
มันก็จะเริ่มก่อกวนเซลล์ดีๆในร่างกายให้เสื่อม ตายหรือไม่ก็กลายพันธุ์ กลายเป็นปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา
รวมถึงผิวหนังที่แก่ก่อนวัย เสื่อมโทรม และมีริ้วรอย สารต้านอนุมูลอิสระจึงมีบทบาทสำคัญในการดูแลทั้งสุขภาพร่างกาย และสุขภาพผิวในเวลาเดียวกัน



9. Oxidative Stress
คำนี้อาจไม่มีภาษาไทยที่แปลได้ตรงตัวนัก แต่ให้เข้าใจง่ายๆ oxidative stress ก็คือปฏิกิริยาที่อนุมูลอิสระหรือ Free radical
ทำลายเซลล์ของเรา นึกภาพเหมือนกับเวลาที่เราหั่นแอปเปิลทิ้งไว้แล้วเนื้อกลายเป็นสีดำ
หรือสนิมที่เกาะบนเหล็ก อาจเรียกได้ว่าเป็นภาวะเครียดในระดับเซลล์เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุก็มาได้ทั้งจากความเครียดภายในและภายนอก
และปฏิกิริยานี้เองที่เป็นตัวเร่งกระบวนการชราในร่างกายของเรา



10. Comedogenic
การอุดตันในรูขุมขน มักเกิดจากมีน้ำมันส่วนเกินในปริมาณมากจนผิวหนังไม่สามารถระบายออกได้ทัน ทำให้เกิดการคั่งค้างอยู่ในรูขุมขน
ถ้ามองภายนอกจะเห็นเป็นสิวเสี้ยน สิวหัวขาว หรือสิวหัวดำ สามารถป้องกันได้โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของเราเอง ไม่มันเยิ้มจนเกินไป
และควรเป็นน้ำมันคุณภาพดีที่บำรุงให้ความชุ่มชื่นแต่ไม่เพิ่มความมัน หรืออาจสังเกตจากฉลากผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า non-comedogenic
หรือไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน


รู้จักศัพท์ต่างๆกันไปแล้ว อย่าลืมนำไปใช้เพื่อต่อยอดความเป็นกูรูด้านความงามกันนะคะ
รับรองว่าจะได้ทั้งความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน!